The Brooker Group PCL

IRTalk

Network Effect ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคหิน และยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญบนโลกคริปโต

03/06/2022

ลองจินตนาการว่า ถ้าหากมีคนใช้โทรศัพท์คนเดียวในโลกก็อาจจะไม่มีประโยชน์อะไร พอคนเริ่มใช้โทรศัพท์เพิ่มขึ้นเป็นสองคนอาจจะมีประโยชน์ขึ้นมาบ้าง แต่ถ้าหากมีกลุ่มคนเริ่มใช้โทรศัพท์เป็นหลักพัน หลักหมื่น หลักแสน ทุกคนจะสามารถพูดคุยเชื่อมต่อกันได้ทั่วโลก แน่นอนว่ามูลค่าโทรศัพท์นั้นจะสูงขึ้นตามไปด้วย เพราะมีคนเห็นคุณค่าของโทรศัพท์ ซึ่งนั้นเป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ‘Network Effect’

ที่มาของ Network Effect

อุตสาหกรรมต่าง ๆ มีวิวัฒนาการตามแต่ละยุคสมัย ตั้งแต่ยุคที่มนุษย์ยังใช้เครื่องมือจากหิน ไม้ หรือวัสดุอื่น ๆ ในการดำรงชีวิต ไปจนถึงยุคปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีในการดำรงชีวิตครบถ้วนอย่างปัจจุบัน ในด้านเศรษฐกิจ นักวิชาการด้านบริหารธุรกิจหลายคนนิยาม ‘Network Effect’ ว่า “เป็นปรากฏกาณ์ที่มูลค่าของสินค้า หรือบริการมีจำนวนมากขึ้น ทำให้คุณค่าของสินค้าหรือบริการนั้นทวีความสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นความจำเป็นขั้นพื้นฐานของผู้คน ทำให้ธุรกิจที่โดดเด่นนั้นมีความได้เปรียบในการแข่งขันเชิงธุรกิจ”

การเติบโตแบบทวีคูณดังกล่าว (Network Effect) สามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ Network Effect ที่ส่งผลกระทบทางตรง กับ Network Effect ที่ส่งผลทางอ้อม

  1. ผลกระทบทางตรง คือ การมีผู้ยอมรับและใช้งานมากขึ้นทำให้มูลค่าสิ่งนั้นสูงขึ้น เช่น Facebook ที่มีมูลค่ามหาศาลเพราะคนใช้งานทั่วโลก
  2. ผลกระทบทางอ้อม คือ การขยายตัวของสิ่งนั้นส่งผลให้เกิดสิ่งใหม่ เช่น เมื่อเปิดปั๊มน้ำมันแล้วคนมาใช้บริการเยอะ ทำให้มีคนมาเปิดร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร หรืออื่น ๆ ในปั๊มน้ำมัน

Network Effect กับวงการ ‘สินทรัพท์ดิจิทัล’

ช่วงที่ผ่านมา เราจะเห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมการเงินรูปแบบใหม่ ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ จากการเพิ่มขึ้นของ Crypto Exchange ต่าง ๆ และภาพข่าวที่เราเห็นกันอย่างชินตาคือ บริษัทใหญ่ ๆ หรือนักลงทุนสถาบันระดับโลกจำนวนมากเริ่มเคลื่อนไหว และเข้ามามีบทบาทในวงการสินทรัพย์ดิจิทัล ทั้งบริษัทในอุตสาหกรรมการเงิน เทคโนโลยี แฟชั่น ฯลฯ เมื่อมี First Mover แถวหน้า จากนั้นจะมีคลื่นลูกใหม่ตามมาอีกหลายคลื่น สังเกตได้จากรายย่อยที่เริ่มปรับตัวเข้ามาในโลกสินทรัพย์ดิจิทัล เหตุการณ์ดังกล่าวนี้เรียกได้ว่าเป็น ‘Network Effect’ ที่ส่งผลต่อวงการคริปโตมานับไม่ถ้วน

พลังที่ยิ่งใหญ่ของ Network Effect

ล่าสุด Binance Lab บริษัทร่วมทุนของ Binance ตลาดซื้อ-ขายคริปโตที่มีปริมาณผู้เทรดระดับโลก ประกาศเปิดตัวกองทุนมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ โดยกองทุนนี้ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนสถาบันชั้นนำระดับโลกมากมาย เช่น DST Global Partners, Breyer Capital และ Whampoa Group ทั้งนี้ยังมีภาคเอกชนรายใหญ่และบริษัทต่างๆ สมัครเป็นสมาชิกกองทุนในฐานะ Limited Partners

กองทุนใหม่นี้ จะลงทุนในโครงการที่สามารถขยายการใช้งานของ Cryptocurrencies และผลักดันการนำเทคโนโลยี Web3 และ Blockchain มาใช้งาน

“ค่านิยม ผู้คน และเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญ หากองค์ประกอบทั้งสามนี้มารวมกัน จะช่วยเพิ่มการยอมรับในวงกว้างของเทคโนโลยี Blockchain และ Crypto เป้าหมายของกองทุนนี้คือการค้นหาและสนับสนุนโครงการที่มีศักยภาพในการสร้างและเป็นผู้นำ Web3 ใน DeFi, NFTs, เกม, Metaverse, โซเชียลและอื่น ๆ” Changpeng Zhao ‘CZ’ ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Binance กล่าว

สุดท้ายแล้วจะมีทั้งโปรเจกต์ที่ได้ไปต่อและไม่ได้ไปต่อ หรือโปรเจกต์ที่พึ่งเริ่มต้น แต่สร้างมูลค่าที่สูงเกินความจริงเพื่อดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในโปรเจกต์ สุดท้ายแล้วจะเหลือผู้นำตลาดเพียงหนึ่งเจ้าที่โดดเด่น และมีอิทธิพลมหาศาลที่จะอยู่รอด ดังนั้นนอกจากการติดตามบทความ ข่าวสาร การวิเคราะห์จากแหล่งต่าง ๆ แล้ว ควรศึกษาโปรเจกต์ด้วยตนเองให้ละเอียดก่อนลงทุนใด ๆ