The Brooker Group PCL

Binance Academy

สรุปสภาวะตลาดคริปโตไตรมาส 3 ปี 2022

Market Cap ในตลาดคริปโตฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งกลับมาสูงกว่า $1 ล้านล้าน ภาวะเงินเฟ้อยังคงกระทบกับตลาดคริปโตและเกิดการชะลอตัวในการลงทุน ทางด้าน VC ลงทุนในคริปโตและบล็อกเชนต่ำสุดนับตั้งแต่ Q2 ปี 2021

31/10/2022

Not Financial Advice

ภาพรวมสถานการณ์ตลาดคริปโต

หลังจากผ่านไตรมาส 2 ปี 2022 ช่วงเวลาที่ไม่เป็นมิตรกับตลาดคริปโต ไตรมาส 3 ยังเป็นช่วงที่เต็มไปด้วยความผันผวนแต่ก็มีสัญญาณที่ดีหลายอย่าง ประกอบด้วย มูลค่าตามราคาตลาดรวมคริปโตที่ฟื้นตัวกลับมาสูงกว่า 1 ล้านล้าน และ เหรียญคริปโตต่างๆ ก็แสดงประสิทธิภาพที่น่าทึ่ง แต่จากการที่ตลาดยังคงมีความผันผวนอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านล้านโดยประมาณ และเป็นช่วงเดียวกับการทำ the Merge บน Ethereum ที่ยังไม่ได้แสดงความเคลื่อนในด้านบวกอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับสถานการณ์ของเศรษฐกิจมหาภาคที่กำลังถดถอยส่งส่งผลต่อการลงลดงตลาดคริปโต

ระบบเศรษฐกิจโลกในตอนนี้อยู่ในภาวะตกต่ำและเศรษฐกิจในหลายๆ ประเทศกำลังได้รับผลกระทบ ธนาคารกลางในหลายประเทศมีความพยายามเพื่อคาดการณ์สถานการณ์เพื่อป้องกันเหตุการณ์ทางการเงินที่อาจจะเลวร้าย

ประเทศทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับอัตราเงินเฟ้อ สำหรับสหรัฐอเมริกาเงินเฟ้อสูงถึง 8.3% ในเดือนสิงหาคม ในประเทศในยุโรปกำลังประสบปัญหาเงินเฟ้อ (สหราชอาณาจักร 9.9%, เยอรมนี 10%) โดยเกือบทุกประเทศได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ขึ้นสูง ทำให้รายจ่ายด้านครัวเรือนสูงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และยังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมทำเหมืองคริปโตอีกด้วย

ด้วยภาวะเงินเฟ้อที่ขึ้นสูงมาก กระทบกับการประเมินมูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัล และสร้างความเสี่ยงสูงให้กับสินทรัพย์ ยิ่งทำให้สินทรัพย์ใดมีความเสี่ยงสูงก็ยิ่งได้รับผลกระทบมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงนี้เองเป็นตัวสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับเศรษฐกิจแต่ยังไม่รุนแรงมากพอที่จะเปลี่ยนแนวโน้มของเศรษฐกิจ ใน แต่ในขณะนี้ยังคงเป็นช่วงที่อาจจะได้เห็นอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นและตลาดการเงินที่มีความชะงักงันยืดเยื้อต่อไป

 

 

สิ่งที่น่าสนใจในไตรมาสนี้ คือ หลายๆ โปรเจคมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน ที่พบว่ามีเพียงไม่กี่โปรเจกต์เท่านั้นที่มีผลประกอบการที่ดีเยี่ยมต่อเนื่องมาถึงไตรมาส 3

 

ประกอบกับตลาดในช่วงนี้เป็นช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ในสภาวะชะลอตัว (stagnation) แม้ว่าช่วงก่อนหน้านี้จะมีแนวโน้มฟื้นตัว แต่ด้วยปริมาณการซื้อขายที่ลดลงแสดงให้เห็นว่าระยะการฟื้นตัวยังไม่เกิดขึ้นเร็วๆนี้ แม้ว่าการเติบโตในรายโปรเจกต์จะมีการเติบโตที่ดีมาก ซึ่งเป็นกรณีเฉพาะเท่านั้นเพราะว่านั้นเป็นการได้รับเงินสนับสนุนจากนักลงทุนรายใหญ่  ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจมหภาคยังคงกระทบกับตลาดคริปโต เป็นการยากที่จะจิตนาการรูปแบบการเติบโตของคริปโตโดยไม่มองสถานการณ์จากปัจจัยตลาดการเงินการธนาคารดั้งเดิม

 

เกิดอะไรขึ้นกับบิตคอยน์ในไตรมาสนี้

สำหรับไตรมาส 3 ของบิตตอน์เป็นไปอย่างไม่ค่อยดีมากนัก ในช่วงเริ่มต้นของไตรมาส 3 เป็นไปในทางบวก เช่น เดือนกรกฎาคมราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้นที่ 18% แต่ในเดือนสิงหาคมและกันยายนไม่ดีเท่าเดือนกรกฎาคมแต่ก็ไม่ติดลบมากนัก โดยราคาคริปโตมีตกลงหนักกว่าในสองเดือนก่อนหน้านี้

 

แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับบิตคอยน์ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในระดับพื้นฐานที่สำคัญๆ ที่ควรกล่าวถึง เช่น บิตคอยน์กำลังเป็นช่องทางสำหรับการชำระเงิน เข้าใกล้แนวทางการเป็นสินทรัพย์สำหรับการลงทุน ซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมีประเด็นที่สำคัญ 2 ประการ คือ (1) ความนิยมในบิตคตอยน์ เกิดการยอมรับ (adoption) สร้างความเติบโต (2) ค่า Correlation กับระบบการเงินดั้งเดิมมีอัตราเพิ่มขึ้น

ค่า correlation ของบิตคอยน์กับระบบการเงินดั้งเดิม มีความใกล้เคียงกันกับค่าสูงสุดในรอบที่ผ่านมา  ด้วยความเชื่อมโยงกันของเศรษฐกิจมหภาคทำให้ Correlation เพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่น บิตคอยน์มีความอ่อนไหวต่อการประกาศเงินเฟ้อของ Fed

 

วิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นหนึ่งปัจจัยที่สำคัญที่สุดในปัจจุบันที่ส่งผลกระทบต่อบิตคอยน์และกระทบตลาดสกุลเงินดิจิตอลในวงกว้าง บิตคอยน์อาจจะเป็น deflationary instrument คือ เงินดิจิทัลที่มี Supply จำกัด เป้าหมายเพื่อไม่ให้มีเหรียญเยอะเกินไปในตลาดคริปโต และในขณะเดียวกันยังเพิ่มสามารถเพิ่มมูลค่าของเหรียญ แต่ในสถานการณ์ตามเศรษฐกิจมหาภาคแสดงให้เห็นด้านลบที่เกิดจากเงินเฟ้อ ซึ่งบิตคอยน์ยังคงเป็นเหรียญที่พึ่งพาดัชนีต่างๆ ทั่วโลกรวมถึง US dollar index (DXY) ที่มีค่า Correlation ในเชิงลบ

 

ด้านการทำเหมืองบิตคอยน์ยังประสบปัญหาอย่างหนักด้วย เนื่องจากราคาของคริปโตที่ลดลงอย่างหนักประกอบกับราคาพลังงานที่สูงขึ้น แม้ว่าราคาเรื่องขุดทั้งแบบ Rigs and ASICs จะมีราคาที่ถูกลงแต่ก็ไม่ได้ทำให้การทำเหมืองตื่นตัวมากเท่าปีที่ผ่านมา

 

บริษัททำเหมืองขุดขนาดใหญ่ก็ประสบสภาวะยากลำบาก ในบางแห่งประกาศล้มละลาย (Compute North) และ ปัญหาการทำเหมืองไม่ได้กระทบกับเพียงประเทศที่มีอัตราค่าไฟแพงเท่านั้น แต่ยังกระทบกับประเทศหรือบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อสูงด้วยเช่นกัน ซึ่งตามมากด้วยการที่ผู้ถือครองบิตคอยน์เป็นเงินทุนสำรองรายใหญ่ได้เทขายบิตคอยน์แบบไม่ได้กำไร ทำให้เกิดปัจจัยกดดันราคาและการเติบโตของบิตคอยน์

ในประเด็น Bitcoin dominance อยู่ในช่วงที่อัตราส่วนลดลง ในช่วงต้นเดือนกันยายนลดลงต่ำสุดที่ประมาณ 35.5% นับตั้งแต่พฤษภาคม 2018 แต่ภายหลังก็กลับมาเติบโตอีกครั้งที่กว่า 37% ทางด้าน Ethereum ใน Q3 2022 อัตราการครองตลาดแสดงจำนวนที่เพิ่มขึ้นและทำให้ราคาของ Ethereum เป็นไปในทางบวกด้วยเช่นกัน

 

Ethereum The Merge และประสิทธิภาพเครือข่าย

ไตรมาสนี้เป็นช่วงที่มีความสำคัญมากสำหรับเหรียญคริปโตใหญ่อันดับ 2 ของ Market Cap อย่าง Ethereum ตามการประกาศเดิมของการทำ The Merge เกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม (The Merge สำเร็จเรียบร้อยเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2022) ซึ่งการประกาศนี้เองทำให้ราคา Ethereum เพิ่มขึ้นและมีความแข็งแกร่ง อัตราการแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น +57.7% ถือว่าเดือนกรกฎาคมเป็นช่วงที่ดีของ Ether  

 

อย่างที่ทราบว่ากระบวนการ The Merge เป็นช่วงเวลาที่ดำเนินการมาอย่างยาวนานถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญในวงการคริปโตของปี 2022 การเปลี่ยนมาเป็น Proof of Stake เป็นความเปลี่ยนแปลงเพื่อทำให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิม มีความเป็น decentralized และปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตามอัตราค่าธรรมเนียมก็ยังเป็นเป้าหมายสำคัญของผู้ใช้งาน Ethereum ที่ผ่านมาไม่ได้หวังให้มีการเปลี่ยนแปลง (อัตราค่าธรรมเนียมเข้าใกล้ช่วงที่ต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2020 ที่ราคาขึ้นอยู่กับราคาของ Ethereum ที่ราคาขึ้นสูงไปที่ 15-50 ดอลลาร์ต่อหนึ่งการทำธุรกรรม)

ผลกระทบของการทำ The Merge ยังไม่แน่ชัด แต่ในเรื่องการเติบโตยังคงแข็งแกร่งอยู่ แต่สิ่งที่พบคือช่วงหลังจากการทำ The Merge พบว่าราคาตกลงมาเช่นเดียวกับเหรียญคริปโตอื่นๆ

The Merge ยังเกิดขึ้นไปพร้อมกับการทำ Proof of Work hardforks ที่ส่ง airdrop เหรียญ ETHW ให้กับผู้ถือเหรียญ Ethereum หลังจากการทำ The Merge แล้วระบบการทำงานไม่เป็นด้วยดีตามที่คาดการณ์ไว้ แตกต่างกับ Ethereum Classic ที่กลับมาเติบโตอีกครั้งเพราะการเปลี่ยนทิศทางการทำเหมืองที่นำเครื่องขุดเดิมมาขุดบน Ethereum Classic

สำหรับตอนนี้ยังคงยากมากที่จะบอกว่ามีเครือข่ายที่รองรับ POW ตัวใดที่ดำเนินการได้ดีเทียบเท่ากับ Ethereum ที่จะสามารถทำให้นักขุดสามารถย้ายไปขุดที่อื่นๆ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้เป็นเหมือนการกดดันให้นักขุดเดิมต้องหยุดการขุด ขายเครื่องขุด หรือเปลี่ยนไปลงทุนขุดในแหล่งอื่นๆ โดยวิธีการสำคัญที่ดีสำหรับนักขุดหลังการเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างรายได้ คือ การทำ staking

 

แนวทางของ Ethereum ในระยะยาวยังไม่ชัดเจนมากนัก ในด้านหนึ่งหลังจากเปลี่ยนมาเป็น POS แล้วเครือข่ายมีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และ จำนวนการทำธุรกรรม transactions per second มีอัตราการทำงานที่สูงขึ้น  แต่ก็ยังไม่เห็นความเปลี่ยนในทางบวกมากนัก เนื่องจากค่าแก๊สยังมีราคาสูงมาก (แม้ว่าอัตรา commissions จะตกลงมาอย่างต่อเนื่องในช่วงตลาดขาลง)  อีกด้านหนึ่งบนบล็อกเชน Layer 2 ยังคงมีความน่าสนใจในด้านต่างๆ ที่ดีกว่า Ethereum

สำหรับ Ethereum ยังคงเป็นผู้ครองส่วนแบ่งขนาดใหญ่บน DeFi ในขณะที่เครือข่ายอื่นๆ ไม่ว่จะเป็น BNB Chain Solana และ Polygon ต่างก็มีส่วนแบ่งในกิจการประเภทอื่นๆ เช่น GameFi ที่มีจำนวนผู้ใช้งานจำนวนมาก ซึ่งจะเห็นได้ว่าหลายๆ โปรเจคในปัจจุบันมีการเปลี่ยนมาใช้งานบน Polygon เป็นเครือข่ายหลักนับตั้งแต่การล่มสลายของ Terra

 

 

ภาพรวมสถานการณ์บน Decentralized Finance

หลังจากการล่มสลายของ Terra ในไตรมาส 2 ระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง (Decentralized Finance) กลับมาฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยตัวชี้วัดที่สำคัญของ DeFi คือ TVL หรือ Total Value Locked แสดงข้อมูลว่าหลังจากสี่เดือนที่ผ่านมาเกิดสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว (stagnation) ตัวชี้วัดนี้มีความใกล้เคียงกับสถานะตลาด ตามมูลค่าตลาดของ Ethereum ที่คิดเป็น  ของ Total Value Locked ในกลุ่ม DeFi

 

อัตรา TVL ในกลุ่มบล็อกเชนชั้นนำแสดงให้เห็นผลประกอบการที่ดีในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2022 แต่อย่างไรก็ตามเครือข่ายต่างๆ ยังคงอยู่ในช่วงขาลงที่จำนวน TVL ลดจำนวนลงในทุกๆ เดือน

 

ประเด็นสำคัญต่อมาคือ เรื่อง Layer 2 บน Ethereum มีความน่าสนใจอย่างมากโดยในช่วงที่ผ่านมา Optimism และ Arbitrum มีการเติบโตอย่างมากในช่วงไตรมาส 3 มีโปรเจกต์จำนวนมาที่เริ่มเข้ามาทดสอบระบบ

การฟื้นตัวของ DeFi มีปัจจัยสำคัญที่ขึ้นอยู่กับราคาของสินทรัพย์ ถ้าหากผู้ใช้งานจำนวนมากนำสินทรัพย์ออกจาก DeFi ผลที่ตามมาอาจจะสร้างหายนะกับตลาดได้ แต่สิ่งที่ยังคงต้องระมัดระวังคือเรื่อง DeFi exploits ที่เห็นถี่ขึ้นในช่วงสองสามเดือนที่ผ่าน โปรเจกต์ขนาดใหญ่ถูกโจมตี ทำให้เห็นได้ว่ายังคงขาดแคลนเรื่องความปลอดภัยที่เป็นช่องว่างให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต (breach protocols)

 

ปริมาณการซื้อขายในตลาด

Trading Volumes หรือ ปริมาณการซื้อขายในตลาดแสดงให้เห็นจำนวนที่ลดลงอย่างมาก ลดลงสู่ระดับต่ำกว่าไตรมาสแรกของปี 2022 ปริมาณการซื้อขายบน derivatives และ spot ลดจำนวนลง 10% และ 18% ตามลำดับ แสดงให้เห็นถึงสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว (stagnation) ที่มักจะมาพร้อมกับจำนวนการซื้อขายที่ลดลง สัมพันธ์กับการลดจำนวนของของกิจกรรมในตลาดการเงิน

 

ภาพรวม Public Sales and Fundraising

การระดมทุนในไตรมาส 3 ลดลงอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2 ปริมาณการขาย Token ลดลงจาก 233 เหลือเพียง 184  ทางด้านโครงการที่ทำกำไรได้สูงในไตรมาสที่ผ่านมากยังคงดำเนินต่อไปได้ด้วยผลตอบแทนการลงทุนที่เพิ่มขึ้น

แตกต่างจาก IDO market ที่ผลประกอบการดีกว่าในไตรมาสที่ผ่านมา โปรเจกต์จำนวนมากเลือกการทำ IDO โดยจะเห็นได้ว่าโปรเจกต์จำนวนมากมีการปรับลดผลตอบแทนลงจาก All Time Highs นำไปสู่การสันนิษฐานว่าบางโครงการอาจจะไม่อยู่ในความสนใจของนักลงทุนซึ่งพร้อมที่จะขาย Token ออกไปถ้าหากมีการปลดล็อค  สำหรับตลาดรอง โปรเจกต์จำนวนมากมีความพยายามอย่างมากเพื่อสร้างผลตอบแทนที่น่าประทับใจ แต่ก็มักจะเป็นแนวทางในการพัฒนาในระยะยาวเสียมากกว่า

 

สำหรับการลงทุนแบบ IEO แสดงผลประกอบที่ค่อนข้างดี แต่ยังน้อยกว่าไตรมาสที่ผ่านมา โดยฝั่งการลงทุนแบบ IEO โชว์การทำกำไรที่สูงกว่าแบบ IDO

ความแตกต่างระหว่างไตรมาส 2 และไตรมาส 3 คือ เรื่องประเภทความหลากหลายของโปรเจกต์ต่างๆ โปรเจกต์ในกลุ่มตลาดหลักทำรายได้เพิ่มขึ้น เช่น Move To Earn เติบโตอย่างต่อเนื่องมาจากไตรมาสก่อนหน้า จากความสำเร็จใน STEPN แต่อย่างไรก็ตาม โปรเจกต์ในประเภทนี้ก็ค่อยๆ ลดลงอย่างช้า และปัจจุบันโปรเจกต์ประเภทนี้เหลือเพียงไม่มีโปรเจกต์เท่านั้น

Venture Capital (VC) หรือธุรกิจเงินร่วมลงทุน มีการลงทุนในคริปโตและอุตสาหกรรมบล็อกเชนอย่างน้อย $5.1 พันล้าน ในไตรมาส 3 ท่ามกลางตลาดขาลงที่จำนวนการลงทุนลดลงอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2

ทำให้ตลาดการลงทุนที่เรียกว่า initial offering market อยู่ในช่วง “รอหยุดพัก” นักลงทุนจำนวนมากรอการลงทุนในโปรเจกต์ที่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งการจัดการ Token ที่เหมาะสมในช่วงตลาดกระทิงกลายเป็นช่วงทำกำไรอย่างมหาศาลสำหรับผู้เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น นักลงทุน โปรเจกต์ หรือ แพลตฟอร์ม ดังนั้นจึงสันนิษฐานว่าการระดมทุนจะเกิดขึ้นพร้อมกับการฟื้นตัวตลาด

ที่มา :

Crypto Market Recap Q3, 2022

https://medium.com/@cryptorank/crypto-market-recap-q3-2022-719ac4258e78

แปลโดย ทีมงาน Brook Digital Asset, 28 ตุลาคม 2022

ช่องทางติดตาม Brook Digital Asset